7 ขั้นตอน “จ้างทําแอพพลิเคชั่น” เตรียมตัวยังไง? ต้องรู้อะไรบ้าง?
การทําแอพพลิเคชั่นเป็นการลงทุนที่สำคัญสำหรับธุรกิจหรือองค์กรที่ต้องการเข้าสู่โลกดิจิทัลอย่างเต็มตัว แต่ก่อนที่จะตัดสินใจ จ้างทีมพัฒนาแอพพลิเคชั่น มีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณาและทำความเข้าใจ เพื่อให้มั่นใจว่าแอพพลิเคชั่นที่ได้รับนั้นตอบโจทย์ความต้องการและสามารถสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจได้จริง ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงสิ่งที่คุณต้องรู้และ 7 ขั้นตอน เตรียมตัวก่อนการจ้างทีมพัฒนาแอพพลิเคชั่น
Table of Contents
#1 เข้าใจวัตถุประสงค์ของการทำแอพพลิเคชั่น
ก่อนที่จะเริ่มจ้าง ทําแอพพลิเคชั่น คุณควรมีความชัดเจนในเรื่องของวัตถุประสงค์และความต้องการของแอพนั้นๆ ว่าแอพพลิเคชั่นนี้จะทำหน้าที่อะไร มีฟีเจอร์อะไรบ้าง และใครคือกลุ่มเป้าหมายที่จะใช้งานแอพของคุณ การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณสามารถสื่อสารกับผู้พัฒนาได้อย่างตรงจุดและลดโอกาสที่จะเกิดความเข้าใจผิดในระหว่างการพัฒนา
1) กำหนดเป้าหมายของการทำแอพพลิเคชั่น
การกำหนดเป้าหมายเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ เพราะจะช่วยให้คุณรู้ว่าคุณต้องการอะไรจากแอพนั้น เช่น แอพจะใช้เพื่อเพิ่มยอดขาย, ปรับปรุงการบริการลูกค้า, หรือเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล
2) ระบุคุณสมบัติและฟีเจอร์ที่ต้องการ
ลิสต์ฟีเจอร์ที่คุณต้องการ เช่น การล็อกอิน, การชำระเงินออนไลน์, ระบบแจ้งเตือน, หรือฟีเจอร์อื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับแอพของคุณ
3) วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและผู้ใช้งาน
เข้าใจว่าใครคือผู้ใช้งานแอพของคุณ กลุ่มอายุ, พฤติกรรมการใช้งาน, และสิ่งที่พวกเขาต้องการจากแอพ จะช่วยให้คุณสามารถออกแบบแอพที่ตอบโจทย์ได้ดียิ่งขึ้น
#2 วางแผนงบประมาณและทรัพยากรที่มี
การ ทําแอพพลิเคชั่น ต้องใช้ทรัพยากรทั้งในด้านการเงินและเวลาของคุณ การวางแผนงบประมาณที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้มั่นใจว่าคุณสามารถจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกินงบประมาณที่ตั้งไว้
1) ตั้งงบประมาณ
ประเมินค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาแอพหลังจากที่พัฒนาเสร็จแล้ว
2) ทรัพยากรที่จำเป็น (บุคลากร, อุปกรณ์, ฯลฯ)
นอกจากเงินทุนแล้ว คุณต้องคำนึงถึงทรัพยากรอื่น ๆ เช่น ทีมงานภายในที่ต้องร่วมงานกับผู้พัฒนา และเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาและทดสอบแอพ
3) การวางแผนการใช้จ่ายในระยะยาว
วางแผนค่าใช้จ่ายในการอัพเดทและบำรุงรักษาแอพหลังจากที่แอพเปิดใช้งานไปแล้ว เพื่อให้แอพยังคงมีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อการใช้งาน
#3 เลือกผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นที่เหมาะสม
การเลือกผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นเป็นขั้นตอนสำคัญที่สามารถกำหนดความสำเร็จของโปรเจคได้อย่างมีนัยสำคัญ ผู้พัฒนาที่มีประสบการณ์และทักษะที่ตรงกับความต้องการของคุณจะช่วยให้แอพพลิเคชั่นของคุณมีคุณภาพ ตรงตามเป้าหมายธุรกิจ และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้
1) การค้นหาและประเมินผู้พัฒนา
การเลือกผู้พัฒนาที่มีชื่อเสียงและมีผลงานที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ควรเริ่มจากการค้นหาข้อมูลและประเมินผลตอบรับจากลูกค้าก่อนหน้า เพื่อดูถึงความเชี่ยวชาญและคุณภาพงานของผู้พัฒนา
1.1) ตรวจสอบเว็บไซต์ของผู้พัฒนา
ควรเยี่ยมชมเว็บไซต์ของผู้พัฒนาเพื่อตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผลงานที่ผ่านมาของพวกเขา รวมถึงความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนาแอพ การศึกษาเคสตัวอย่างของโปรเจคต่าง ๆ จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจมากขึ้นว่า ผู้พัฒนามีทักษะเพียงพอสำหรับโปรเจคของคุณหรือไม่
1.2) อ่านรีวิวจากลูกค้าเก่า
การศึกษาความคิดเห็นจากลูกค้าคนก่อนสามารถช่วยให้คุณได้รู้ถึงความเป็นมืออาชีพและความสามารถในการทำงานร่วมกันของผู้พัฒนา นอกจากนี้ คุณควรตรวจสอบว่าผู้พัฒนาเหล่านั้นสามารถส่งมอบงานได้ตามกำหนดหรือไม่
2) การเลือกประเภทของผู้พัฒนา
การตัดสินใจเลือกประเภทของผู้พัฒนาขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น งบประมาณ ความซับซ้อนของโปรเจค และความต้องการด้านการสนับสนุนหลังการพัฒนา โดยมีทางเลือกดังนี้:
ฟรีแลนซ์: ผู้พัฒนาอิสระที่ทำงานเป็นรายบุคคล มักมีราคาที่ถูกกว่าและมีความยืดหยุ่นในการทำงานมากกว่า เหมาะสำหรับโปรเจคขนาดเล็กถึงกลางที่มีข้อกำหนดชัดเจนและไม่ซับซ้อนมากนัก อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาฟรีแลนซ์เพียงคนเดียวอาจมีความเสี่ยงหากเกิดปัญหาด้านการสื่อสารหรือการส่งมอบงานตามกำหนด
บริษัทพัฒนาแอพพลิเคชั่น: บริษัทที่มีทีมงานที่ครอบคลุมทักษะที่หลากหลาย เช่น นักพัฒนา, นักออกแบบ UX/UI, และผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบแอพ ซึ่งทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถจัดการกับโปรเจคที่มีความซับซ้อนได้ดีกว่า บริษัทพัฒนามักมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาแอพขนาดใหญ่และมีความสามารถในการให้การสนับสนุนและบำรุงรักษาหลังการขายได้ดี
บริษัท Part-time Outsource: บริษัทที่ให้บริการพัฒนาแอพพลิเคชั่นโดยใช้ทีมงานที่ทำงานในลักษณะ Part-time หรือเป็นการเอาท์ซอร์สระยะสั้น เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการความยืดหยุ่นในงบประมาณและเวลา บริษัทประเภทนี้มักมีความยืดหยุ่นในการจัดการทรัพยากรและสามารถปรับเปลี่ยนทีมงานได้ตามความต้องการของโปรเจค โดยไม่ต้องจ้างพนักงานประจำ ข้อดีคือสามารถควบคุมงบประมาณได้ดีขึ้นและลดความเสี่ยงในกรณีที่ต้องการปรับเปลี่ยนแผนการพัฒนา
3) การตรวจสอบประสบการณ์และผลงานที่ผ่านมา
การตรวจสอบผลงานที่ผ่านมาเป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญในการประเมินว่าผู้พัฒนามีความสามารถที่จะจัดการโปรเจคของคุณได้หรือไม่ ควรดูผลงานที่ใกล้เคียงกับโปรเจคของคุณเพื่อประเมินความเชี่ยวชาญ รวมถึงการสอบถามถึงความสามารถในการจัดการกับโปรเจคที่ซับซ้อน
คำแนะนำเพิ่มเติม
หลายบริษัทพัฒนาแอพพลิเคชั่นในปัจจุบันมักมีบริการให้คำปรึกษาฟรีสำหรับลูกค้าใหม่ การติดต่อและขอคำปรึกษาเกี่ยวกับไอเดียและความต้องการของคุณจากทีมพัฒนาก่อนที่จะตัดสินใจจ้างงาน จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์และมุมมองที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาและแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับโปรเจคของคุณ
การเลือกผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นไม่เพียงแค่พิจารณาจากความสามารถในการเขียนโค้ด แต่ยังรวมถึงความสามารถในการสื่อสาร การเข้าใจความต้องการของคุณ และการให้คำปรึกษาที่เป็นประโยชน์ การเลือกผู้พัฒนาอย่างรอบคอบจะช่วยให้คุณได้แอพพลิเคชั่นที่ตอบโจทย์และมีคุณภาพตามที่คุณต้องการ
#4 สร้างข้อกำหนดและข้อตกลงที่ชัดเจน
การมีข้อกำหนดและข้อตกลงที่ชัดเจนระหว่างคุณกับผู้พัฒนาเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
1) การเขียนขอบเขตงาน (Scope of Work – SOW)
ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่จะทำ ฟีเจอร์ที่ต้องการ ระยะเวลาที่กำหนด และความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่าย
2) ข้อตกลงด้านเวลาและการส่งมอบงาน
กำหนดวันที่เริ่มต้นและวันที่ส่งมอบงาน รวมถึงขั้นตอนในการทดสอบและการส่งมอบงานที่ชัดเจน
3) การตั้งข้อตกลงด้านราคาและการชำระเงิน
ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย วิธีการชำระเงิน และเงื่อนไขในการชำระเงิน เช่น การชำระเงินตามงวด หรือตามความคืบหน้าของงาน
#5 ติดตามและตรวจสอบการพัฒนาแอพพลิเคชั่น
การสื่อสารที่ดีและการติดตามงานอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณมั่นใจว่าแอพพัฒนาตามที่วางแผนไว้
1) การสื่อสารและการประชุมอัพเดทงาน
กำหนดเวลาสำหรับการประชุมอัพเดทงานเป็นระยะๆ เพื่อให้มั่นใจว่าทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกันและงานเป็นไปตามที่คาดหวัง
2) การทดสอบแอพพลิเคชั่นระหว่างการพัฒนา
ทำการทดสอบแอพในระหว่างการพัฒนาเพื่อหาข้อผิดพลาดและปรับปรุงให้ทันเวลา
3) การจัดการกับปัญหาและการปรับปรุงงาน
มีแผนการจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและการปรับปรุงงานให้ดียิ่งขึ้น
#6 ทดสอบและเปิดตัวแอพพลิเคชั่น
ก่อนเปิดตัวแอพพลิเคชั่น ควรทำการทดสอบแอพเพื่อให้มั่นใจว่าทำงานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
1) การทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัย
ตรวจสอบแอพเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีบั๊กและมีความปลอดภัยเพียงพอสำหรับผู้ใช้งาน
2) การทำ User Acceptance Testing (UAT)
ให้กลุ่มผู้ใช้งานทดลองใช้แอพและให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุง
3) เตรียมวางแผนการเปิดตัวและการตลาด
วางแผนการเปิดตัวแอพในตลาดและการประชาสัมพันธ์เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักและใช้งานแอพ
#7 บำรุงรักษาและการอัพเดทแอพพลิเคชั่น
การบำรุงรักษาและการอัพเดทแอพเป็นสิ่งที่สำคัญในการรักษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของแอพในระยะยาว
1) การสนับสนุนหลังการขายและการบำรุงรักษา
จัดเตรียมทีมสนับสนุนเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใช้งานและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
2) การวางแผนการอัพเดทและปรับปรุงแอพ
วางแผนการอัพเดทแอพอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แอพยังคงตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้
3) การรับมือกับ Feedback ของผู้ใช้งาน
ฟัง Feedback จากผู้ใช้งานและนำมาปรับปรุงแอพเพื่อให้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น
สรุป
การจ้างทำแอพพลิเคชั่นเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนแต่ถ้าเตรียมตัวและวางแผนอย่างดี จะช่วยให้แอพของคุณเป็นไปตามที่ต้องการและประสบความสำเร็จได้ เริ่มจากการเข้าใจความต้องการ วางแผนงบประมาณ เลือกผู้พัฒนาที่มีคุณภาพ สร้างข้อกำหนดที่ชัดเจน ติดตามการพัฒนา และดูแลแอพให้ดีหลังเปิดตัว ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าแอพพลิเคชั่นที่พัฒนาจะตอบโจทย์และเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณอย่างแท้จริง
สำหรับผู้ที่มองหาบริการพัฒนาซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นที่ครบวงจร METANET มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำปรึกษาและพัฒนาแอพพลิเคชั่นตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นแอพสำหรับธุรกิจ อีคอมเมิร์ซ หรือโซลูชันเฉพาะทาง ด้วยประสบการณ์ที่หลากหลายและการให้บริการที่ครอบคลุมทั้งการวางแผน พัฒนา ทดสอบ และการดูแลหลังการขาย มั่นใจได้เลยว่าจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ตลอดกระบวนการพัฒนาแอพพลิเคชั่นของคุณ
สามารถดูผลงานอื่น ๆ ได้ตามช่องทางด้านล่าง:
ผลงาน Artificial Intelligence (AI)
อัพเดทข้อมูลข่าวสารด้านเทคโนโลยี จาก METANET: